top of page

Botox คืออะไร?

Botox (โบท็อกซ์) เป็นชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) ชนิดเอ ซึ่งเป็นสารพิษที่ผลิตโดยแบคทีเรีย Clostridium botulinum สารนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว

การใช้ Botox ในทางการแพทย์

Botox ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาให้ใช้ในทางการแพทย์ ดังนี้

  • ลดริ้วรอยบนใบหน้า: Botox นิยมใช้เพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยตีนกา รอยหน้าผาก และรอยขมวดคิ้ว

  • รักษาโรคไมเกรน: Botox ฉีดเพื่อรักษาโรคไมเกรน โดยช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัว

  • รักษาภาวะกล้ามเนื้อกระตุก: Botox ฉีดเพื่อรักษาภาวะกล้ามเนื้อกระตุก เช่น กล้ามเนื้อคอหอยตีบ (spastic dysphonia) และกล้ามเนื้อตาเหลือก (blepharospasm)

  • รักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไป: Botox ฉีดเพื่อรักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไป (hyperhidrosis) บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และฝ่าเท้า

  • รักษาความผิดปกติทางระบบประสาท: Botox ฉีดเพื่อรักษาความผิดปกติทางระบบประสาทบางชนิด เช่น กล้ามเนื้อคอเกร็ง (cervical dystonia) และกล้ามเนื้อตาเหลือก (blepharospasm)

กลไกการออกฤทธิ์ของ Botox

Botox ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ที่ปลายประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ได้รับการฉีด Botox คลายตัว

ผลลัพธ์ของการฉีด Botox

  • ผลลัพธ์จากการฉีด Botox จะเริ่มเห็นผลภายใน 2-7 วัน

  • ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของยา ยี่ห้อของยา ปริมาณยาที่ฉีด และสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ขั้นตอนการรับบริการฉีด Botox

ก่อนการฉีด

  1. ปรึกษาแพทย์: สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยหรือผิวหนัง เพื่อประเมินความเหมาะสมในการฉีด Botox แพทย์จะซักถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ ยารักษาโรค ผลข้างเคียงที่เคยมี เป้าหมายในการฉีด และอื่นๆ

  2. แจ้งข้อมูล: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่รับประทานอยู่ รวมถึงยาสมุนไพร อาหารเสริม วิตามิน แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

  3. งดบางสิ่งบางอย่าง: แพทย์อาจแนะนำให้งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ และงดยาบางชนิดก่อนการฉีด

  4. แจ้งความคาดหวัง: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับบริเวณที่ต้องการฉีด Botox และความคาดหวังของผลลัพธ์

 

ระหว่างการฉีด

  1. ทำความสะอาดผิวหน้า: แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่ฉีดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

  2. ทายาชา: แพทย์อาจทายาชาบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการเจ็บ

  3. ฉีด Botox: แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีด Botox เข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องการ โดยทั่วไปใช้เวลาฉีดประมาณ 10-15 นาที

  4. ประคบเย็น: หลังฉีด แพทย์อาจประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและรอยแดง

 

หลังการฉีด

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

  2. นอนหงาย: นอนหงายเป็นเวลา 2-3 คืนแรกหลังฉีด

  3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักๆ: หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักๆ เช่น การออกกำลังกายเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์

  4. ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดหากมีอาการบวมหรือรอยแดง

  5. สังเกตผลข้างเคียง: สังเกตผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการปวดหัว รอยช้ำ รอยแดง คลื่นไส้ อาเจียน หากพบอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์

 

ผลลัพธ์

  • ผลลัพธ์จากการฉีด Botox จะเริ่มเห็นผลภายใน 2-7 วัน

  • ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของยา ยี่ห้อของยา ปริมาณยาที่ฉีด และสภาพผิวของแต่ละบุคคล

 

ข้อควรระวัง

  • การฉีด Botox ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด

  • การฉีด Botox อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการปวดหัว รอยช้ำ รอยแดง คลื่นไส้ อาเจียน หากพบอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์

 

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • เลือกสถานที่ฉีด Botox ที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

  • ตรวจสอบคุณสมบัติของแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด

  • เลือกยา Botox ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน

  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่รับประทานอยู่

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การฉีด Botox เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าและทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง

อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหารือถึงความเสี่ยงและประโยชน์ของการฉีดโบท็อกซ์ก่อนตัดสินใจ

รีวิว

สิ่งที่ทำให้เรามีความโดดเด่นคือ การให้ความสำคัญกับรายละเอียดและการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เราเชื่อว่าการสื่อสารสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือผ่านภาพ คุณสามารถดูภาพถ่ายก่อนและหลังการทำโบท็อกซ์จากลูกค้าของเราได้ในเว็บไซต์ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความพิถีพิถันในงานของเรา

bottom of page